คู่มือหลังน้ำลด 'กระสอบทราย' ทำได้มากกว่าที่คิด
รับศึกหนักในการกั้นน้ำมาหลายเดือน กระสอบทรายหลายถุง ยังคงทำหน้าที่ของมันอย่างเต็มที่ บทบาทของกระสอบทรายเหล่านี้ยังไม่สิ้นสุด แต่วันใดที่น้ำลด พวกมันคงกลายเป็นขยะก้อนโตราคา(เคย)แพง ที่วันนี้ต้องหาวิธีเอาไปใช้ และอยู่ให้ถูกจุด มากกว่าจะทิ้งไว้อย่างไม่แยแส..
ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า จนขาดตลาด เกิดการโก่งราคากันมาพักใหญ่แล้วสำหรับกระสอบทราย บังเกอร์ผู้กล้าหาญที่คอยต้านน้ำไม่ให้เข้าบ้าน ด้วยประสิทธิภาพที่เชื่อว่ากั้นน้ำได้ 'เอาอยู่'
ประเทศไทยตอนนี้ โดยเฉพาะพื้นที่ประสบภัยน้ำท่วมและเขตเฝ้าระวัง เลยมีแต่กระสอบทรายกระจายทั่วไปหมด ทั้งถุงทรายขนาดเล็ก และถุงบิ๊กแบ็ก ซึ่งถ้าจะลองเอาทรายพวกนี้มารวมเป็นกองเดียวกันดู คงมีปริมาณมหาศาลทีเดียว หลังจากที่น้ำแห้งเหือด กระสอบทรายพวกนี้คงกลายเป็นอีกประเด็นที่จะต้องคิดกันแล้วว่า จะเอาไปใช้สอยอะไรต่อ ก่อนที่จะกลายเป็นขยะ
ก่อนอื่นต้องเช็กว่าทรายในกระสอบนั้นเป็นทรายดีหรือไม่ และเป็นทรายชนิดไหน หรือถ้าเป็นทรายขี้เป็ด ที่มีเศษดินเศษอินทรีย์ผสมอยู่ การนำกลับมาใช้นั้นจะมีประโยชน์น้อยกว่า แต่ถ้าเป็นทรายที่มีคุณภาพสามารถนำมาทำอะไรได้หลายอย่างมาก เช่น
ก่อร่างสร้างบ้านใหม่
ทรายดีย่อมใช้ในการก่อสร้างได้ แต่ก็ต้องเช็กดูอีกว่าต้องเป็นทรายน้ำจืดหรือไม่ เพราะทรายที่ใช้ในการก่อสร้างต้องเป็น ทรายบกเท่านั้น ไม่สามารถใช้ทรายน้ำเค็ม หรือทรายชายหาดทะเลได้
วิธีนำไปใช้ก็คือ ผสมปูนก่อปูนฉาบ ซ่อมแซม หรือปรับปรุงบ้าน เพราะหลังน้ำท่วมทำให้เรารู้ว่าบ้านเรามีจุดบกพร่องหรือ รูรั่ว ตรงไหนบ้าง ก็แก้ไขในส่วนตรงนั้นซะ หรือจะนำมาผสมปูนเทราดทางเดินให้สูงขึ้นก็ย่อมได้เช่นกัน แต่ปูนซีเมนต์ไม่ใช่ปัจจัยเดียวที่ทำให้พื้นแข็งแรง ทรายก็มีส่วนสำคัญเช่นกัน เพราะทรายมีหน้าที่ช่วยลดการแตกร้าว เพราะฉะนั้นที่สำคัญที่สุดคือทรายที่ใช้จะต้องเป็นทรายสะอาด ทรายที่อยู่ในกระสอบทรายกั้นน้ำแน่นอนว่าจะต้องสกปรก วิธีทำให้ทรายสะอาดคือล้างน้ำให้สะอาดเสียก่อนนำไปใช้งาน
ขนทรายเข้าวัด
งานนี้อาจกลายเป็นงานบุญครั้งใหญ่ ที่ช่วยล้างบาปจากการที่มนุษยย่ำยีธรรมชาติ การบริจาคทรายดีเข้าวัด ไว้ใช้ซ่อมแซมวัดหลังน้ำท่วมนั้นเป็นอีกทางออกที่ช่วยได้ เพราะตามวัดวาอารามต่างๆ ในพื้นที่ก็โดนน้ำท่วมหนักจมบาดาลเช่นกัน หลายคนอาจห่วงบ้านของตัวเอง จนลืมมองข้ามวัดแหล่งพักพิงทางใจที่อยู่กับคนไทยมาหลายร้อยปี ยิ่งถ้าเป็นวัดเก่าเก่าด้วยแล้ว ยิ่งต้องเร่งซ่อมแซมโดยด่วน เพราะวัดเก่าทรุดตัวง่าย หากไม่รีบบูรณะ สถาปัตยกรรมเก่าแก่ที่อยู่คู่มากับวัดเหล่านี้ อาจพังทลายลง
ปลูกต้นไม้คืนธรรมชาติ
ถ้านึกถึงทรายในการปลูกต้นไม้ แน่นอนอย่างแรกที่นึกออกคือต้นกระบองเพชร ซึ่งสามารถเก็บน้ำไว้ในลำต้นได้มาก มันจะใช้น้ำตลอดระยะเวลาแห้งแล้งที่ยาวนาน และมันจะเปลี่ยนใบเป็นหนามเพื่อลดการคายน้ำ ดังนั้นมันจึงสามารถอยู่ในทะเลทรายได้ โดยวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรีได้บอกถึงวิธีการปลูกกระบองเพชรได้แบ่งการปลูกไว้ 2 วิธี คือ
1. การปลูกในกระถางเพื่อประดับภายในอาคารและภายนอกอาคาร ใช้กระถางทรงและขนาดต่างกันแล้วแต่ชนิดพันธุ์ คือ ตั้งแต่ขนาด 4-10 นิ้ว ใช้ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก : ทรายหรือดินร่วน อัตรา 1:1 ผสมดินปลูก การเปลี่ยนกระถางแล้วแต่ความเหมาะสมของชนิดพันธุ์และผู้ปลูก แต่ถ้าจะให้เจริญสวยงามต้องควบคุมเรื่องปุ๋ย และน้ำให้ถูกวิธี
2. การปลูกในแปลงปลูกเป็นแนวรั้วบ้าน แต่จะต้องเป็นชนิดพันธุ์ ที่ค่อนข้างใหญ่ แข็งแรง ขนาดหลุมปลูก 30 x 30 x 30 เซนติเมตร ใช้ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก : ดินร่วน อัตรา 1:3 ผสมดินปลูก ใครสนใจอยากหาเจ้ากระบองเพชรมาปลูกแนะนำให้ไปหาซื้อที่จตุจักร รับรองมีให้เลือกซื้อจนลายตาเลยทีเดียว
ทั้งนี้หากไม่รู้จะนำทรายดีเหล่านี้ไปทำอะไรดี อาจนำทรายเหล่านี้กลับคืนผู้ค้า ด้วยการขายต่อผู้รับเหมาอีกที แต่ก็ต้องทำใจด้วยว่าจะต้องขาดทุน เพราะราคาคงไม่สูงเหมือนตอนที่ซื้อมาใช้กั้นน้ำแน่นอน
สำหรับทรายขี้เป็ดหรือทรายที่มีเศษอินทรีย์ผสมอยู่ เป็นทรายคุณภาพต่ำ จะมีลักษณะเมล็ดเล็ก กลมมน เมื่อบดอัดแล้วถึงแม้จะดูเกาะตัวกันดีมีความแข็งพอประมาณ แต่เมื่อโดนน้ำจะหลุดออกจากกันกลายเป็นโคลน ถ้านำไปผสมปูน ก็ไม่เกาะตัว แตกร้าว จึงไม่สามารถนำไปใช้ในงานก่อสร้างได้ ดูเหมือนจะไม่ค่อยมีประโยชน์ แต่ทรายเหล่านี้ก็ไม่ไร้ค่าอย่างที่คิด เพราะสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ด้วย อย่างเช่น
ถมที่ปรับระดับ
ถ้าใช้ทรายขี้เป็ดถมที่ ต้องบอกไว้ก่อนว่าพื้นที่ที่จะถมต้องไม่ใช้กับงานรับน้ำหนัก เช่น การเทถมปรับระดับสนามหญ้า ซ่อมแซมแอ่งน้ำที่เกิดหลังน้ำท่วม และถมที่ในบริเวณที่ไม่ได้เพาะปลูกก็ได้ หรือจะใช้สำหรับปรับพื้นก่อนเทพื้นก็ได้
ก่อสร้างอะไรเล็กๆ น้อยๆ
ผสมกับปูน ก่อเป็นกระบะไว้ปลูกต้นไม้เล็กๆ แล้วแต่งแต้มด้วยสีสันนิดหน่อย ก็สามารถสร้างสวนสวย ช่วยกลับทำให้บ้านมีบรรยากาศสดใสขึ้น
น้ำลดเมื่อไหร่ กระสอบทรายเหล่านี้ก็คงหมดหน้าที่ไปด้วย นอกจากต้องเร่งระบายน้ำให้ออกสู่ทะเลแล้ว คงต้องระบายทรายออกด้วย หากแต่ละบ้านลองใช้วิธีที่แนะนำในวันนี้ไปบ้างก็น่าจะคุ้มค่ากับเงินที่ซื้อกระสอบทรายมา อีกทั้งขยะจะได้ไม่ล้นเมืองด้วย หรืออีกวิธีก็คือการนำทรายไปทิ้งรวมกันในจุดๆ เดียว ตามที่ทางกรุงเทพมหานครได้จัดเตรียมไว้ให้ก็ได้.
Twitter : Sriploi_social
Twitter : ijikooo
โดย: ทีมข่าวไลฟ์สไตล์
26 พฤศจิกายน 2554, 08:00 น.
http://m.thairath.co.th/content/life/218670
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น