ทุกครั้งที่ได้อ่านประวัติของพระอาจารย์มิลาเรปา
จิตก็ได้รับการบำบัด ดุจดังโอสถวิเศษรักษา
โรคร้ายที่ไม่มีใครรักษาให้หายขาดได้
ในระหว่างจำศีล แม้มิลาเราปาจะไม่มีอาหาร
ชั้นเลิศหล่อเลี้ยงชีวิตยกเว้นลูกสน
แต่จิตของท่านมุ่งมั่นเพื่อการหลุดพ้น
และด้วยความเมตตาต่อสัตว์ทั้งหลาย
วันหนึ่งเมื่อเหล่านายพรานมาพบท่าน
ได้คาดคั้นเอาอาหารจากท่าน
ท่านบอกว่าไม่มีอาหารจะให้นอกจากลูกสน
ท่านบอกว่าถ้าไม่เชื่อก็ให้ลองยกตัวท่านดู
จะได้เห็นว่ามีอาหารแอบซ่อนหรือเปล่า
พวกพรานจึงยกท่านขึ้นแล้วปล่อยลง
ทำอย่างนั้นทีละคนทำให้ท่านได้รับความเจ็บปวดอย่างมาก
แม้กระนั้นท่านมิได้โกรธเคืองพวกเขา
ตรงกันข้ามท่านกลับรู้สึกสงสารพวกเขาอย่างจับใจ
จนถึงกับร้องไห้ออกมา...
แม้เวลาจะผ่านไป 800-900 ปีแล้ว
เรื่องราวของมิลาเรปายังคงเป็นบทเรียนยิ่งใหญ่แก่พวกเราทั้งหลาย
ขอพวกเราจงรักศัตรูให้ได้อย่างน้อยสักเสี้ยวหนึ่งของท่าน
เพราะจริงๆ แล้ว ไม่มีผู้ใดที่เป็นศัตรูอย่างแท้จริง
ทุกคนล้วนแต่เป็นเหมือนเราต้องการความสุขในชีวิตเช่นกันทั้งสิ้น
.. .. เกซัง ตาวา
Every time I read the life of Lama Milarepa,
my mind is healed, as if I was given
a wonderful medicine for uncurable disease.
While in retreat Milarepa lived on nettles.
But that didn't affect his compassion for sentient beings
and his determination and perseverance towards enlightenment.
One day when a groug of hunters came to his cave,
they demanded food from him.
He said he had nothing to offer them except for nettles, his only food.
He asked them to life him up and see if they didn't believe it.
So they did, one after the other.
This caused him great pain.
But more than anything he felt a terrible and unbearable pity for them,
so much that he wept...
Although it's already 800-900 years since his time,
his story is still a great lesson for us all.
May we follow Milarepa and learn to love our enemy,
for there is no real enemy.
Everybody is like us in seeking happiness in life.
.. .. Kalsang Dawa
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น