ติดต่อ คุณอัจฉรา 086-6282817 หรือร่วมบริจาค ธ.กรุงไทย เลขบัญชี 031-0-03432-9 หรือ ธ.กรุงเทพ เลขบัญชี 145-5-24762-5 ชื่อบัญชีสมาคมสร้างสรรค์กิจกรรมอิสรชน ต้องใช้จ่าย เดือนละ 1 แสนบาท โดยเป็นค่าใช้จ่าย ใน 3 โครงการ ที่ดูแล คนเร่ร่อนไร้บ้าน...พนักงานบริการ ...เด็กและเยาวชนในชนบทกลุ่มต่าง ๆ /"ความสำเร็จประกอบด้วยความผิดพลั้งหลายๆ ครั้งมารวมกันโดยที่ความกระตือรือร้นที่หวังจะพบกับชัยชนะนั้นยังคงอยู่" (วินสตัน เชอร์ชิลล์).
วันศุกร์ที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2554
วันจันทร์ที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2554
เลือกตั้งเดนมาร์ก 2554: มุมมองของผู้มาเยือน
เลือกตั้งเดนมาร์ก 2554: มุมมองของผู้มาเยือน
วันที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2554 เวลา 20:30:00 น.
โดย จิรัฐสรรพ์ ประมวลศิลป์
(หมายเหตุ ผู้เขียนนักศึกษาชั้นปีที่ 3 โครงการเศรษฐศาสตร์บัณฑิตภาคภาษาอังกฤษ (BE) คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ปัจจุบันกำลังศึกษาต่อในฐานะนักศึกษาแลกเปลี่ยน ณ Copenhagen Business School ประเทศเดนมาร์ก) เดนมาร์กเป็นประเทศที่ขึ้นชื่อว่ามีความเป็นประชาธิปไตยมากเป็นอันดับต้นๆ ของโลก ประชาชนตื่นตัวต่อการเมืองและใช้สิทธิ์เลือกตั้งในระดับสูงมาก มี "รัฐสวัสดิการ" ที่ประสบความสำเร็จและกลายเป็นต้นแบบของหลายประเทศ ทั้งยังเป็นรัฐราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญเช่นเดียวกับประเทศไทย แต่ในขณะเดียวกัน เดนมาร์กเป็นประเทศแรกที่พรรคชาตินิยมได้รับความนิยมสูงมาก มีนโยบายผู้อพยพที่เข้มงวดที่สุดในยุโรป เป็นจุดเริ่มต้นกระแสพรรคชาตินิยมที่แพร่กระจายไปทั่วยุโรปในปัจจุบัน จนทำให้เกิดความกังวลว่ายุโรปจะทำลายคุณค่าประชาธิปไตยที่สะสมมานาน การเลือกตั้งเดนมาร์กซึ่งเกิดขึ้นในวันที่ 15 กันยายนที่ผ่านมาจึงน่าสนใจศึกษาอย่างยิ่ง เดนมาร์กปกครองด้วยระบบราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญ มีประมุขของประเทศคือราชินี Margrethe II โดยใช้ระบบสภาเดียว มีชื่อว่า Folketinget และมีพรรคการเมืองหลายพรรคเป็นรัฐบาลผสม มีน้อยครั้งมากที่พรรคการเมืองพรรคเดียวมีเสียงส่วนใหญ่ในสภา การผ่านกฎหมายในสภาจึงต้องเกิดจากการเจรจาต่อรองระหว่างพรรคการเมืองทั้งพรรคร่วมรัฐบาล พรรคสนับสนุนรัฐบาลและฝ่ายค้าน ก่อนการเลือกตั้งครั้งนี้ เดนมาร์กมีนายกรัฐมนตรีชื่อ Lars Løkke Rasmussen จากพรรคเสรีนิยม (Venstre)
ราชินี Margrethe II ของเดนมาร์ก (ที่มาhttp://en.wikipedia.org/wiki/File:Queen_Magrethe_sep_7_2005.png)
(Pic 2) พระราชวัง Christiansborg ที่ตั้งของสภา Folketinget ตามรัฐธรรมนูญ การเลือกตั้งจะต้องเกิดขึ้นภายใน 4 ปี นับจากการเลือกตั้งครั้งล่าสุด ทำให้การเลือกตั้งครั้งนี้จะต้องเกิดขึ้นภายในวันที่ 12 พฤศจิกายน โดยนายกรัฐมนตรีสามารถประกาศให้มีการเลือกตั้งใหม่เมื่อไหร่ก็ได้ และการเลือกตั้งจะต้องเกิดขึ้นภายใน 21 วันหลังจากการประกาศให้มีการเลือกตั้งใหม่ ซึ่งก็เป็นไปตามกำหนดพอดี เนื่องจากนายกรัฐมนตรีได้ประกาศให้มีการเลือกตั้งใหม่เมื่อวันที่ 26 สิงหาคมที่ผ่านมา เดนมาร์กมีพรรคการเมืองหลายพรรค โดยพรรคการเมืองจะสัญญากับผู้เลือกตั้งไว้ว่าจะจัดตั้งหรือสนับสนุนกลุ่มพันธมิตรทางการเมือง (Coalition) ใดเป็นรัฐบาล แต่พรรคการเมืองนั้นอาจเป็นพรรครัฐบาล หรือเป็นพรรคสนับสนุนรัฐบาลก็ได้ โดยพันธมิตรทางการเมืองในการเลือกตั้งครั้งนี้มีสองกลุ่ม เรียกกันว่าพันธมิตรสีแดง (Red Coalition) และพันธมิตรสีน้ำเงิน (Blue Coalition) ซึ่งจะกล่าวในภายหลัง ผู้มีสิทธิเลือกตั้งก็สามารถตัดสินใจสนับสนุนพรรคใดก็ได้ในพันธมิตรที่ตนสนับสนุน เพราะสุดท้ายก็จะได้นายกรัฐมนตรีคนเดียวกัน แต่ความแตกต่างคือรายละเอียดในแต่ละนโยบาย การจัดตั้งรัฐบาลจำเป็นต้องมีเสียงข้างมากของสภาสนับสนุน (หรือไม่มีเสียงข้างมากคัดค้าน เช่นในการเลือกตั้งครั้งนี้) โดยพรรครัฐบาลหลักซึ่งเป็นนายกรัฐมนตรีสังกัดอาจมีเสียงไม่เป็นอันดับหนึ่งของสภาก็ได้ ขอเพียงมีพรรคการเมืองมาสนับสนุนจนเป็นเสียงข้างมากก็พอ นอกจากนี้ รัฐบาลส่วนใหญ่จะเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย (Minority government) คือผู้แทนจากพรรครัฐบาลรวมกันมีจำนวนไม่ถึงครึ่ง แต่อยู่ได้เพราะเสียงจากพรรคสนับสนุนรัฐบาล ซึ่งอาจไม่สนับสนุนกฎหมายหากมีความขัดแย้งกับพรรครัฐบาล ผู้มีสิทธิเลือกตั้งสภาผู้แทนราษฎรในเดนมาร์ก ต้องเป็นพลเมืองเดนมาร์ก มีอายุ 18 ปีขึ้นไป โดยผู้มีสิทธิเลือกตั้งใช้สิทธิโดยการนำจดหมายแจ้งการใช้สิทธิที่ส่งมาที่บ้าน ไปใช้สิทธิที่หน่วยเลือกตั้งซึ่งมักเป็นโรงเรียน (เพราะมีห้องขนาดใหญ่) โดยควรเตรียมบัตรประจำตัวที่มีรูปภาพไปด้วย เช่น ใบขับขี่ หรือหนังสือเดินทาง (ประชาชนเดนมาร์กไม่มีบัตรประจำตัวประชาชน แต่มีบัตรประกันสุขภาพเป็นเสมือนบัตรประชาชน โดยบัตรนี้ไม่มีรูปภาพ) เพราะเจ้าหน้าที่อาจขอตรวจหากสงสัย เมื่อมาถึงแล้ว เจ้าหน้าที่จะขีดฆ่าชื่อของผู้มีสิทธิเลือกตั้งในบัญชีรายชื่อที่หน่วยเลือกตั้ง แล้วให้บัตรเลือกตั้งผู้มีสิทธิเลือกตั้งไปใช้สิทธิในคูหา โดยหน่วยเลือกตั้งจะเปิดให้ใช้สิทธิตั้งแต่เวลา 9.00-20.00 น. เป็นเวลารวม 11 ชั่วโมง ด้วยเหตุผลว่าประชาชนทั่วไปจะทำงานวันละ 8 ชั่วโมง การมีเวลาเลือกตั้ง 11 ชั่วโมง ทำให้ประชาชนมีเวลาอย่างน้อย 3 ชั่วโมงในการใช้สิทธิ ในบัตรเลือกตั้งจะมีสองส่วน คือเลือกตั้งพรรค และเลือกตั้งผู้สมัคร โดยสามารถเลือกลงคะแนนให้พรรคการเมืองเพียงพรรคเดียว หรือผู้สมัครเพียงคนเดียวเท่านั้น โดยทำเครื่องหมายกากบาทด้วยดินสอ ในบัตรเลือกตั้งจะมีสัญลักษณ์พรรคซึ่งมีการตกลงไว้ล่วงหน้า หากพรรคการเมืองไม่ขอเปลี่ยนสัญลักษณ์ ก็จะใช้สัญลักษณ์เดิมไปตลอด (เช่น A สำหรับพรรคสังคมนิยมประชาธิปไตย หรือ V สำหรับพรรคเสรีนิยม) และชื่อพรรคการเมืองอยู่ หากผู้มีสิทธิเลือกตั้งเลือกพรรค คะแนนจะถูกนำไปคัดเลือกผู้สมัครตามลำดับบัญชีรายชื่อ หรือจัดสรรตามจำนวนคะแนนเลือกตั้งส่วนตัวผู้สมัคร (จากการเลือกผู้สมัครรายบุคคล) ตามแต่พรรคการเมืองได้แจ้งความจำนงไว้ หากผู้มีสิทธิเลือกตั้งเจาะจงเลือกผู้สมัคร คะแนนนี้จะเป็นของผู้สมัครโดยตรง แต่หากผู้มีสิทธิเลือกตั้งเลือกทั้งคนทั้งพรรค จะกลายเป็นบัตรเสียเพราะการเลือกตั้งอนุญาตให้เลือกได้เพียงครั้งเดียว เมื่อทำเครื่องหมายเสร็จก็นำบัตรหย่อนใส่หีบ และคะแนนจะถูกนับด้วยมือเช่นเดียวกับในประเทศไทย โดยพรรคการเมืองจะต้องมีเสียงมากกว่าร้อยละ 2 ของคะแนนเสียงทั้งหมดจึงสามารถมีผู้แทนในสภา
วันเลือกตั้ง (ที่มา http://www.cphpost.dk/news/politics/90-politics/52062-election-11--how-does-it-work.html) พรรคการเมืองแบ่งเป็นสองขั้ว คือพันธมิตรสีน้ำเงิน ซึ่งเป็นฝ่ายรัฐบาลในสมัยที่ผ่านมา และพ่ายแพ้การเลือกตั้งครั้งนี้ มีแนวคิดไปทางเสรีนิยม และพันธมิตรสีแดง ซึ่งเป็นฝ่ายค้านในสมัยที่ผ่านมา และชนะการเลือกตั้งครั้งนี้ มีแนวคิดไปทางสังคมนิยม ตัวอักษรหลังชื่อพรรคในวงเล็บคือสัญลักษณ์พรรค ในเดนมาร์ก กลุ่มพันธมิตรทั้งสองจะมีเสียงไม่ต่างกันมากนัก และเป็นระบบหลายพรรค การชนะการเลือกตั้งแบบถล่มทลายจะไม่เกิดขึ้นในระบบการเมืองเดนมาร์ก
ป้ายหาเสียงของ Helle Thorning-Schmidt จากพรรคสังคมนิยมประชาธิปไตย (ซ้าย) และป้ายหาเสียงของ Lars Løkke Rasmussen จากพรรคเสรีนิยม (ขวา)
ป้ายหาเสียงของผู้สมัครรายหนึ่งจากพรรคเสรีนิยม
ในการเลือกตั้งครั้งนี้ พรรคอนุรักษ์นิยมแพ้การเลือกตั้งอย่างมาก ซึ่งสาเหตุอาจมาจากจุดยืนด้านเศรษฐกิจที่ไม่ชัดเจน และปัญหาการบริหารงานภายใน ทำให้ผู้สนับสนุนบางส่วนไปลงคะแนนให้พรรคพันธมิตรเสรีนิยมที่มีจุดยืนด้านเศรษฐกิจที่เสรีมากกว่าแทน
ป้ายหาเสียงของผู้สมัครรายหนึ่งจากพรรคอนุรักษ์นิยม
ป้ายหาเสียงของผู้สมัครรายหนึ่งจากพรรคคนเดนมาร์ก
ป้ายหาเสียงของผู้สมัครรายหนึ่งจากพรรคอนุรักษ์นิยม
ป้ายหาเสียงของ Helle Thorning-Schmidt จากพรรคสังคมนิยมประชาธิปไตย แปลได้ว่า เราต้องลงทุนในเยาวชน ไม่ใช่ตัดงบประมาณการศึกษา
การแถลงข่าวร่วมกันของ Helle Thorning-Schmidt จากพรรคสังคมนิยมประชาธิปไตย และ Villy Søvndal จากพรรคคนสังคมนิยม (ที่มา http://www.cphpost.dk/news/politics/90-politics/52108-despite-divisions-opposition-remains-poised-for-power.html)
ป้ายหาเสียงของผู้สมัครรายหนึ่งจากพรรคคนสังคมนิยม (บน) และจากพรรคสังคมนิยมประชาธิปไตย (ล่าง)
ป้ายหาเสียงของ Villy Søvndal หัวหน้าพรรคคนสังคมนิยม
Margrethe Vestager หัวหน้าพรรคสังคม-เสรีนิยม (ซ้าย) และ Pia Kjærsgaard หัวหน้าพรรคคนเดนมาร์ก ในรายการโทรทัศน์ "เกมเศรษฐี" (ที่มาhttp://multimedia.pol.dk/archive/00575/Margrethe_Vestager__575351y.jpg)
ป้ายหาเสียงของผู้สมัครรายหนึ่งจากพรรคสังคม-เสรีนิยม
Johanne Schmidt-Nielsen โฆษกพรรคเอกภาพ (ที่มาhttp://multimedia.pol.dk/archive/00577/Enhedslisten_holder_577173a.jpg)
| |
| ||||||||||||||||
วันเสาร์ที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2554
ชำแหละงบฯซื้อกล้อง CCTV กทม.บิ๊กลอต 2,400 ล้าน ข้อมูลที่ “สุขุมพันธ์”บอกไม่หมด
ชำแหละงบฯซื้อกล้อง CCTV กทม.บิ๊กลอต 2,400 ล้าน ข้อมูลที่ "สุขุมพันธ์"บอกไม่หมด
ผ่าละเอียดงบฯติดตั้งกล้องกล้องฉาว CCTV ของกรุงเทพมหานครจากอดีต-ปัจจุบัน ตะลึง! 3 ปีหมดเงินเกือบ 2.4 พันล้าน เพิ่งทำสัญญาจัดซื้อลอตใหญ่ ก.พ.-มี.ค. 2554 กว่า 1,800 ล้าน ตกอยู่ในอุ้งมือรายใหญ่ 4 ราย ที่ผู้ว่าฯกทม.ยังไม่บอก
เรื่องอื้อฉาวกรณีกรุงเทพมหานครติดตั้งกล้องวงจรปิดเปล่าหรือกล้องดัมมี่ 500 จุดโดยระบุว่าเพื่อเป็นกลยุทธ์ลวงมิให้มีการกระทำผิดกฎหมายในช่วงเหตุการณ์ความวุ่นวายทางการเมือง และยืนยันว่าไม่มีการทุจริตในการจัดซื้อกล้อง CCTV จำนวน 10,000 ตัวแต่อย่างใด
เมื่อวันที่ 21 กันยายน ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพฯ เขียนข้อความชี้แจงในเฟซบุ๊ก อธิบายถึงโครงการติดตั้งกล้องวงจรปิดหรือ CCTV จำนวน 10,000 ตัว ทั่วกรุงเทพฯ ว่าไม่ใช่เป็นเรื่องการโกงกิน หรือการโกหกผลงาน แต่การที่ต้องติดตั้งกล่องเปล่าในบางจุดเพื่อความปลอดภัย และ กทม.กำลังดำเนินการติดกล้องเพิ่มตามนโยบาย แต่ยังมีกล่องเปล่าอยู่ประมาณ 500 จุด และกำลังไล่ติดกล้องเข้าไปในกล่องเปล่า
ต่อมาได้แถลงข่าววันเดียวกันว่า งบประมาณ กทม. ปี 2555 สำนักการจราจรและขนส่งกรุงเทพฯมีแผนติดตั้งกล้องรวมทั้งสิ้นเป็นวงเงินกว่า 998 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ข้อมูลที่ยังไม่ถูกเปิดเผยให้สาธารณชนได้รับรู้ก็คืองบประมาณในการจัดซื้อจัดจ้างติดตั้งกล้อง CCTV และผ่านเอกชนรายใดบ้าง?
สำนักข่าวอิศรา ตรวจสอบมาเสนอดังนี้
นับตั้งแต่ปีงบประมาณ 2553 เป็นต้นมาจนถึงเดือนกุมภาพันธ์2554 หน่วยงานของ กทม.จัดซื้อกล้อง CCTV จำนวน 35 ครั้ง ผ่านเอกชน 11 ราย รวมวงเงิน 2,385,036,951 บาท (สองพันสามร้อยแปดสิบห้าล้านสามหมื่นหกพันเก้าร้อยห้าสิบเอ็ดบาท)
เอกชนที่ได้รับการว่าจ้างมากมากที่สุด (ตามจำนวนครั้ง)
บริษัท เอเอ็มอาร์ เอเซีย จำกัด จำนวน 12 ครั้ง วงเงินรวม 372,604,996 บาท
บริษัท โคนิค เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด 7 ครั้ง วงเงินรวม 54,864,500 บาท
บริษัท จีเนียส ทราฟฟิค ซีสเต็ม จำกัด 5 ครั้ง วงเงินรวม 376,315,000 บาท
หากคิดตามวงเงิน เอกชนที่ได้รับการว่าจ้างมากสุด
กลุ่มกิจการค้าร่วมยูเทล ซีคอม วงเงิน 775,800,000 บาท
กิจการร่วมค้า จีเนียส 402,050,000 บาท
บริษัท เอเอ็มอาร์ เอเซีย จำกัด 372,604,996 บาท (ดูตารางประกอบ)
จากการตรวจสอบพบว่า บริษัท เอเอ็มอาร์ เอเซีย จำกัด ซึ่งได้รับการว่าจ้างมากสุด จำนวน 12 ครั้งนั้นได้รับว่าจ้างครั้งแรกในรื้อย้ายและติดตั้งกล้องโทรทัศน์วงจรปิดพร้อมอุปกรณ์ บริเวณวงเวียนใหญ่เมื่อวันที่ 29 ต.ค. 2552 วงเงิน 1,195,000 บาท
จากนั้นได้รับว่าจ้างเรื่อยมา กระทั่งได้รับจ้างเหมาจัดหาพร้อมติดตั้งกล้องโทรทัศน์วงจรปิด(CCTV) บริเวณชุมชน ตลาด จุดเปลี่ยนถ่ายในการเดินทาง และจุดเสี่ยงภัยภายใน กทม. เมื่อวันที่ 16 ก.พ. 2554 วงเงิน 327,602,000 บาท
บริษัท จีเนียส ทราฟฟิค ซีสเต็ม จำกัด ได้รับว่าจ้างในช่วงปีงบประมาณ 2553 ถึง 2554 ลอตใหญ่ได้แก่ จ้างเหมาติดตั้งระบบกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (CCTV)เพื่อการตรวจสอบและสั่งการแก้ไขปัญหาการจราจร เมื่อวันที่ 30 มิ.ย. 2553 วงเงิน 168,155,000 บาท
บริษัท โคนิค เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด ได้รับว่าจ้างในช่วงปีงบประมาณ 2552 ถึง 2553 การว่าจ้าง 3 ครั้งหลัง ได้แก่ จ้างเหมาติดตั้งกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (CCTV)พร้อมอุปกรณ์ประกอบบริเวณอาคารจอดรถยนต์ลานคนเมือง และรอบศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร วงเงิน 7,490,000 บาท
เมื่อวันที่ 12 มี.ค. 2553 ,จ้างเหมาติดตั้งกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (CCTV)พร้อมอุปกรณ์ภายในสวนหลวง ร.9 วงเงิน 9,800,000 บาท เมื่อวันที่ 4 ส.ค. 2553 และจ้างเหมาอนุรักษ์และพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว(การปรับภูมิทัศน์เมืองบริเวณรอบอนุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสิน)กิจกรรมติดตั้งกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (CCTV) วงเงิน 23,359,500 บาท เมื่อวันที่ 9 ส.ค. 2553
กลุ่มกิจการค้าร่วมยูเทล ซีคอม ได้รับจ้างจัดหาพร้อมติดตั้งกล้องโทรทัศน์วงจรปิด(CCTV) บริเวณสถานศึกษาในพื้นที่กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 22 ก.พ. 2554 วงเงิน 775,800,000 บาท
กิจการร่วมค้า จีเนียส ได้รับว่าจ้างเหมาเชื่อมโยงสัญญาณภาพจากกล้องโทรทัศน์วงจรปิด(CCTV)ไปที่สถานีตำรวจในพื้นที่กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 22 ก.พ. 2554 วงเงิน 402,050,000
บริษัทไทยซีคอมพิทักษ์กิจ จำกัด ได้รับว่าจ้างเหมาจัดหาพร้อมติดตั้งกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (CCTV) บริเวณโรงพยาบาลศูนย์บริการสาธารณสุขและสถานที่ราชการในพื้นที่กรุงเทพฯ วันที่ 15 มี.ค. 2554
กิจการค้าร่วม TNB ได้รับว่าจ้างเหมาติดตั้งกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (CCTV)พร้อมอุปกรณ์การทำงานในพื้นที่กรุงเทพฯ676 กล้อง เมื่อวันที่ 16 พ.ย. 2552 วงเงิน 94,000,000 บาท
น่าสังเกตว่าระหว่าง วันที่ 16 ก.พ. 2554 -15 มี.ค. 2554 กทม.ว่าจ้างเอกชนรายใหญ่ติดตั้งกล้อง 4 ราย
บริษัท เอเอ็มอาร์ เอเซีย จำกัด วันที่ 16 ก.พ.2554
กลุ่มกิจการค้าร่วมยูเทล ซีคอม วันที่ 22 ก.พ. 2554
กิจการร่วมค้า จีเนียส วันที่ 22 ก.พ. 2554
บริษัทไทยซีคอมพิทักษ์กิจ จำกัด วันที่ 15 มี.ค. 2554
รวมวงเงินที่กทม.ทำสัญญาจัดซื้อจัดจ้างในช่วงนี้ 1,836,484,996 บาท
ข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้าระบุว่า บริษัท ไทยซีคอมพิทักษ์กิจ จำกัด จดทะเบียนวันที่ 9 กันยายน 2530 ทุน 378.8 ล้านบาท บริษัท ซีคอม จำกัด และ กลุ่มสหพัฒน์ถือหุ้นใหญ่ นายสุกษม ช่วงโชติ เป็นกรรมการ
บริษัท เอเอ็มอาร์ เอเซีย จำกัด จดทะเบียนวันที่ 13 กันยายน 2542 ทุน 50 ล้านบาท ที่ตั้งเลขที่ 469 ซอยประวิทย์และเพื่อน แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพฯ บริษัท เจแอนด์ แอสโซซิเอทส์ จำกัด ถือหุ้น(นายสุชาติ อารีกุล ถือหุ้นใหญ่)
บริษัท จีเนียส ทราฟฟิค ซีสเต็ม จำกัด จดทะเบียนวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2545 ที่ตั้งเลขที่ 77 หมู่ที่ 11 ถนนพุทธมณฑลสาย 5 ตำบลไร่ขิง อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม บมจ.ฟอร์ท คอร์ปอเรชั่น ถือหุ้นใหญ่ น่าสนใจก็คือหากพลิกรายชื่อผู้บริจาคเงินพรรคประชาธิปัตย์ในช่วงที่ผ่านมา มีกลุ่มสหพัฒน์รวมอยู่ด้วย
การจัดซื้อกล้อง CCTV ของกรุงเทพมหานคร ระหว่างปีงบฯ 2553-มี.ค.2554
รวบรวมโดย สำนักข่าวอิศรา